top of page

ข้อมูลเตรียมตัวก่อนและหลังผ่าตัด

ข้อมูลก่อนพบแพทย์และวันที่มาผ่าตัด รวมถึงข้อมูลการปฏิบัติตัวหลังผ่าตัด

ศัลยกรรมเปลือกตา

ก่อนพบแพทย์
การเตรียมตัวก่อนพบแพทย์เรื่องเปลือกตา
  • การมาตรวจเพื่อปรึกษาผ่าตัดหนังตาไม่มีอะไรยุ่งยากซับซ้อน โดยผู้ป่วยควรจะมาพบแพทย์เพื่อให้แพทย์ตรวจวินิจฉัยว่า ลักษณะเปลือกตาของคนไข้เป็นแบบใด หรืออาการหนังตาตกเกิดจากสาเหตุใด หากต้องรักษาโดยการผ่าตัดหนังตา แพทย์จะแนะนำว่าจะผ่าตัดโดยวิธีใดจึงจะเหมาะสม และจำเป็นที่จะต้องผ่าตัดที่กล้ามเนื้อตาด้วยหรือไม่

  • จะต้องแจ้งยาที่รับประทาน รวมทั้งโรคประจำตัวให้แพทย์ทราบ

  • ถ้าเป็นโรคเบาหวาน หรือความดันโลหิตสูง จะต้องควบคุมให้ดีก่อนถึงวันผ่าตัด โดยผู้ที่เป็นโรคเบาหวานจะมีโอกาสที่แผลจะติดเชื้อ หรือ โอกาสที่แผลจะหายยากมากกว่าคนปกติ ทำให้ต้องควบคุมน้ำตาลให้อยู่ในเกณฑ์อย่างน้อย 3 เดือน ก่อนผ่าตัด ถึงจะได้ผลการรักษาที่ดี คนไข้ที่เป็นโรคความดันโลหิตสูงก็เช่นกัน เพราะจะมีผลในระหว่างผ่าตัดโดยตรง เนื่องจากว่าถ้าคนไข้มีความดันโลหิตสูงมากอาจเกิดโรคหัวใจหรืออัมพาตระหว่างผ่าตัด รวมทั้ง เลือดจะออกมากทำให้แพทย์ทำการผ่าตัดได้ยาก และแผลจะบวมช้ำหลังผ่าตัดนาน จึงแนะนำให้ควบคุมความดันโลหิตให้อยู่ในเกณฑ์ก่อนผ่าตัด ส่วนอาหารสามารถรับประทานได้ตามปกติ ไม่ต้องงด  

  • กรณีผู้ป่วยหนังตาตกเมื่ออายุมากขึ้น ควรเตรียมรูปถ่ายที่สามารถเห็นดวงตาได้ชัดเจนมาด้วย เพื่อช่วยในการวินิจฉัยโรค

  • ในส่วนของยาสามารถรับประทานได้ตามปกติ แต่จะมียาอยู่กลุ่มเดียวที่ต้องงดรับประทานก่อนผ่าตัด คือ กลุ่มยาสลายลิ่มเลือด หรือยาที่ทำให้เลือดหยุดช้า รวมถึง ยาบำรุงบางชนิด เช่น วิตามินอี แปะก๊วย โสม น้ำมันปลา ซึ่งจะมีผลทำให้เลือดแข็งตัวช้าลง หรือทำให้เลือดใส โดยจะต้องหยุดรับประทานประมาณ 1- 2 สัปดาห์ ก่อนผ่าตัด


 

วันผ่าตัด
การเตรียมตัวในวันผ่าตัดเปลือกตา
  • ต้องมีผู้มาด้วย เพื่อการดูแลที่ดีหลังผ่าตัด

  • รับประทานอาหารและยาโรคประจำตัวได้ตามปกติ ยกเว้นยาที่แพทย์ห้ามก่อนผ่าตัด 

  • ไม่ควรแต่งหน้า สามารถทาครีมบำรุงผิวและครีมกันแดดได้

  • เจ้าหน้าที่จะให้เปลี่ยนชุดเพื่อเข้าห้องผ่าตัด

หลังผ่าตัด
เพื่อผลการรักษาที่ดี ผู้ป่วยควรปฏิบัติตัวดังนี้หลังการผ่าตัดเปลือกตา

 

  • ท่านต้องรีบกลับมาพบแพทย์ทันทีเมื่อ

    - มีอาการปวดตามาก ลืมตาลำบาก

    - การมองเห็นลดลง หรือมองเห็นเป็นภาพซ้อน

    - แผลผ่าตัดบวมแดงมากขึ้นทันที หรือมีหนองไหลจากตา หรือมีไข้

    - มีเลือดสด ๆ ไหลออกมาทางบาดแผลหลังการผ่าตัดใหม่ ๆ 

 

อาหาร 

สามารถรับประทานอาหารทุกชนิดได้ตามปกติ

 

แผลผ่าตัดและไหมเย็บ 

แผลจะบวมแดงหรือเป็นสีม่วงช้ำได้ในช่วงแรก การประคบด้วยความเย็นและนอนหัวสูงจะช่วยให้แผลหายบวมได้เร็วขึ้น ควรประคบเย็นนาน 72 ชั่วโมงหลังผ่าตัด โดยประคบนาน 20 นาทีแล้วพัก 20 นาทีแล้วจึงประคบต่อ โดยสามารถใช้น้ำแข็งบดใส่ถุงพลาสติก หรือ Hot Cold gel แช่ตู้เย็นช่องแช่แข็งแล้วห่อด้วยผ้าสะอาดวางลงบนแผลได้ เมื่อพ้นระยะ 72 ชั่วโมง ควรทำการประคบอุ่นต่อเนื่องบนเปลือกตา โดยทำเพียงวันละ 4 เวลา ครั้งละประมาณ 10-15 นาที

ไหมที่เย็บไว้จะตัดออกหลังจากการผ่าตัดนาน 5-7 วัน  และแผลจะค่อย ๆ ยุบบวมลง และจะดูเป็นปกติธรรมชาติภายใน 1 เดือน

 

การปฏิบัติตัว 

1. นอนยกหัวสูงเป็นเวลา 48 ชั่วโมง เพื่อลดอาการบวม

2. ห้ามแผลโดนน้ำเป็นเวลา 5-7 วัน จนกว่าจะตัดไหม และใช้ขี้ผึ้งปฏิชีวนะป้ายแผลเพื่อป้องกันการติดเชื้อ ทำความสะอาดใบหน้าโดยใช้ผ้าสะอาดชุบน้ำเช็ดทั่วใบหน้าโดยหลีกเลี่ยงอย่าให้โดนแผลผ่าตัด  ไม่จำเป็นต้องไปทำแผลหรือใช้ผ้าปิดแผล

3. หากมีอาการปวดให้ทานเฉพาะยาแก้ปวด paracetamol เท่านั้น ไม่ควรทานยาแก้ปวดประเภท aspirin เนื่องจากจะทำให้เลือดออกเพิ่มมากขึ้นได้

4. หลีกเลี่ยงบริเวณที่มีฝุ่นละอองมาก ๆ เนื่องจากอาจทำให้แผลไม่สะอาด

ศัลยกรรมจมูก

ขั้นตอนการเตรียมตัวก่อนการผ่าตัดเสริมจมูก

 

  • ส่งรูปภาพ และ/หรือบอกความต้องการในการผ่าตัดจมูกมาทาง line หรือ facebook messenger เพื่อรับทราบราคาเบื้องต้น

  • นัดวัน และ มาตรวจกับแพทย์ โดยแพทย์จะวิเคราะห์ปัญหา ของจมูกแต่ละคนเพื่อให้คำแนะนำวิธีการผ่าตัดที่เหมาะสม 

  • ตัดสินใจผ่าตัด ชำระมัดจำ และนัดวันผ่าตัด

  • กรณีอายุน้อยกว่า 20 ปี ต้องให้ผู้ปกครองลงนามอนุญาตก่อนผ่าตัด

  • การผ่าตัดจมูกแบบใส่ซิลิโคน ทำผ่าตัดที่คลินิก

  • การผ่าตัดปรับโครงสร้างจมูก แบบโอเพ่น ทำผ่าตัดที่โรงพยาบาล

การดูแลหลังการผ่าตัดเสริมจมูก

 

  • กรณีใส่เสริมแบบซิลิโคน เพื่อเป็นการหยุดเลือดที่ออกและลดอาการบวมในช่วง 24 ชั่วโมงแรก แนะนำให้ประคบเย็นโดยใช้ผ้าขนหนูห่อกับถุงเย็นประคบไปตรงกลางและสันจมูกตลอดเวลา โดยเฉพาะช่วงวันแรกหลังการผ่าตัด หลังจากครบ 24 ชั่วโมง แนะนำให้ประคบอุ่นต่อเพื่อลดอาการคั่งบวมของน้ำเหลือง

  • การผ่าตัดเสริมจมูกแบบโอเพ่นที่มีเฝือกจะช่วยลดอาการบวมอยู่แล้ว ไม่ต้องประคบเย็น แต่ต้องดูแลเฝือกห้ามให้หลุด หรือห้ามแกะปลาสเตอร์ออกเองโดยเด็ดขาด เพราะจะทำให้บวมมากขึ้นและเบี้ยวเอียงได้ 

  • นอนหัวสูง หนุนหมอนสูงในช่วง 72 ชั่วโมงแรก เพื่อให้เลือดและน้ำเหลืองที่ค้างอยู่ออกมาทางแผล ลดโอกาสในการบวมนานและการติดเชื้อได้มากขึ้น โดยแพทย์จะแนะนำให้นอนหงายไม่ควรนอนตะแคงในช่วงสัปดาห์แรก โดยอาจใช้หมอนล็อกที่คอช่วย  เพราะอาจทำให้เผลอไปกด หรือกระแทกจมูกขณะนอนหลับอยู่ ทำให้เกิดการเบี้ยวได้

  • หลังการผ่าตัด 7 วัน ให้นำเฝือก หรือปลาสเตอร์ที่ปิดไว้บริเวณสันจมูกออกโดยแพทย์เท่านั้น เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดข้อผิดพลาดต่างๆ  

  • การดูแลแผลบริเวณรูจมูกในวันแรกหลังการผ่าตัด  แนะนำให้ทำความสะอาดด้วย Cotton bud ชุบนำ้เกลือ หรือ Betadine solution เช็ดเบาๆ เพื่อเอาเลือดที่แห้งติดกับแผลออก และบีบป้ายยา Chloramphenical Ointment ที่คลินิกจัดไว้ให้ที่บริเวณแผล เกลี่ยให้เรียบด้วย Cotton bud ส่วนไหมที่เย็บสีขาวฟ้าเป็นไหมละลายจะหลุดไปเองภายใน 2-3 สัปดาห์ แต่ถ้าไม่หลุดเองก็สามารถให้แพทย์ตัดให้ได้ในภายหลัง  

  • ยาที่คลินิกจัดให้เป็นยาปฏิชีวนะ ยาแก้ปวด และยาลดการบวม ยาแก้ปวดควรกินทันทีหลังการผ่าตัดเสริมจมูก เพราะยาชาจะออกฤทธิ์อยู่ 2 ชั่วโมง ส่วนยาปฏิชีวนะควรกินให้ครบหนึ่งสัปดาห์ เนื่องจากการใส่ซิลิโคนถือเป็นสิ่งแปลกปลอม ทำให้เกิดการติดเชื้อได้ง่ายจึงต้องป้องกัน และถ้ามีอาการบวมแดงเป็นเวลานานหลายวันให้รีบไปพบแพทย์เพื่อทำการรักษาต่อไป

  • ทางคลินิกจะนัดมาพบแพทย์หลังการผ่าตัดเสริมจมูกสัปดาห์แรก และเมื่อครบ 4 สัปดาห์ เพื่อดูแผล และแก้ไขปัญหาภาวะแทรกซ้อน โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมใดๆ 

  • เรื่องอาหารการกิน สามารถกินได้ปกติ งดอาหารรสจัด และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกประเภท

ปัญหาแทรกซ้อนหลังการผ่าตัด

 

  • อาการบวม โดยเฉพาะบริเวณสันระหว่างตา เพราะเป็นพื้นที่ที่ต้องเลาะเป็นโพรงในการผ่าตัด เลือดและน้ำเหลือง จะออกมาได้ไม่หมดเพราะอยู่ห่างจากแผลด้านล่างมาก ทำให้บางคนพบอาการเขียวใต้ตาได้ ซึ่งน้ำเหลืองและเลือดจะถูกร่างกายดูดซึมไปเองได้ 

  • อาการแดง บริเวณผิวหนังโดยมากเกิดที่บริเวณสันและส่วนปลายที่ตึง เกิดจากเนื้อจมูกที่โดนยืดออก ซึ่งจะค่อยๆ จางลงเองได้ แต่จุดไหนที่มีอาการแดงไม่หายก็เป็นความเสี่ยงต่อการเกิดการทะลุได้ แนะนำให้ลดขนาดลงให้พอดีกับเนื้อ ส่วนอาการแดงร่วมกับการเจ็บมากขึ้นเรื่อยๆ  บ่งถึงการติดเชื้อที่พบได้ ซึ่งต้องกลับมาตรวจ บางคนต้องเปลี่ยนเป็นยาที่แรงขึ้น แต่บางคนต้องนำเอาซิลิโคนออกเพื่อทำการรักษาต่อไปโดยทันที

  • เบี้ยว เอียง ถ้าเป็นก่อนการผ่าตัด แพทย์จะบอกก่อนผ่าตัด ถ้ามีฐานหรือส่วนปลายที่เอียงอยู่แล้วการผ่าตัดก็อาจทำให้เห็นชัดขึ้นได้ แต่ถ้าเป็นหลังผ่าตัดช่วงแรก 1-2 สัปดาห์ ร่างกายยังไม่มีพังผืดมารัดซิลิโคน ทำให้สามารถขยับได้ สามารถให้แพทย์ดัดได้ แต่ถ้าเกิดในช่วงหลัง ส่วนใหญ่เกิดจากพังผืดที่มารัด ทำให้เอียงได้ ซึ่งเป็นแล้วแต่คน นอกจากนี้การผ่าตัดที่เปิดแผลข้างเดียวก็อาจทำให้เกิดการเอียงได้มากกว่าการเปิดแผลในรูจมูกสองข้าง แต่ก็แลกมาด้วยการเป็นแผลที่รูจมูกทั้ง 2 ข้าง

  • ไม่สวย ไม่ถูกใจ การเสริมจมูกบางแห่งในกทม.อาจทำไม่สวย ไม่ถูกใจ คนไข้มากเท่าไหร่นัก ซึ่งสิ่งเหล่านี้สามารถป้องกันได้โดยการระบุรูปร่างจมูกที่ต้องการกับแพทย์ให้ชัดเจน ตั้งแต่ก่อนผ่าตัด โดยธรรมชาติแล้วรูปร่างจมูกจะชัดขึ้นเรื่อยๆ จะดูเล็กลงกว่าเดิมตามระยะเวลาที่มีการเกิดพังผืดมารัด การเปลี่ยนรูปทรงจมูก หรือ ผ่าแก้ไขแนะนำหลังจากผ่าตัดครั้งแรกอย่างน้อย 6 เดือน เพื่อให้ขบวนการการอักเสบและเนื้อเยื่อกลับสู่ภาวะเดิมก่อน

คำชมจากผู้มาใช้บริการ

“ขอบคุณคุณหมอมากค่ะ คุณหมอผ่าตัดได้ดูเป็นธรรมชาติ จนคนไม่เชื่อเลยว่าผ่าตัดมา”

K. Pui

“คุณหมอมือเบามากค่ะ ฉีดยาชาและผ่าตัดได้โดยไม่เจ็บเลยทั้งๆที่กลัวเข็มมากๆ เจ็บสุดตอนไปตัดไหม(ที่อื่น)นี่แหล่ะค่ะ”

K. Ki

“หลังผ่าตัดแค่สามวันก็ไปทำงานแล้วค่ะ ตอนนี้ตาโตขึ้น หนังตาตกตรงหางตาหายไป มั่นใจขึ้นมากเลยค่ะ ”

K. Fai  

bottom of page